Table of Content

บทความนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมคณะ

Table of Content

...

ถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือถ้าเอาตัวเองในตอนนี้ไปบอกตัวเองตอนประมาณ ม.4 ว่าตอนนี้ได้เรียนที่คณะวิศวะ จุฬาแล้วนะ ก็คงจะไม่เชื่อตัวเองในอนาคตเหมือนกัน

ต้องบอกก่อนว่าเป็นคณะที่ตัดสินใจว่าจะเข้าภายในเวลาแค่สองสัปดาห์ (ไม่ได้โกหก) ตอนที่เลือกคือแทบจะไม่รู้อะไรเลยว่าคณะเป็นยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน (อันนี้จริงจังมาก ไม่รู้จริงๆ 555) ไม่รู้แม้กระทั่งพวกวัฒนธรรมในคณะว่าเป็นแบบไหน ไม่รู้ว่าคณะอาคารหน้าตาเป็นยังไง ตอนที่เลือกมาจำได้ว่ามาสัมภาษณ์หมอจุฬา แล้วมาแวะที่วิศวะเพื่อดูบรรยากาศแปปเดียว (ตอนนั้นเริ่มเกริ่นกับครอบครัวแล้วว่าจะเปลี่ยนใจมาเรียนวิศวะ) ภาพแรกที่จำได้ตอนนั้นคือ

… ตึกสามเก่ามาก …

คือจินตนาการว่าเด็ก ม.6 คนนึงที่แม่งไม่เคยเปิด Google ด้วยซ้ำว่าคณะวิศวะ จุฬาหน้าตาเป็นยังไง เดินมาที่ตึกร้อยปี แล้วเดินทะลุมาที่ลานเกียร์ ภาพคือตัดมาจากคณะแพทย์ที่แม่งหรูสัส ๆ ตัดภาพมาที่ลานเกียร์ (ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนั้นแม่งเรียกว่าลานเกียร์) แต่ impression ก็คือ โอเค ถ้าเราไม่เหาะกับวิศวะจริงๆ ค่อยซิ่วเข้าที่อื่นใหม่ปีหน้าก็ได้วะ ละก็เลือกเข้ามาวิศวะ

ผ่านไปถึงค่ายวิศณุ ตอนแรกคาดหวังว่าจะมีรับน้องโหด ปรากฏว่าไม่มี ก็ได้เพื่อนมา เหมือนตอนเข้าโรงเรียนครั้งแรก

ผ่านไปถึงช่วงเดือนแรก ก็ทำกิจกรรมไปเรื่อยเปื่อย มีรับน้องบ้างแต่ก็เหมือนเล่น ๆ อ่ะ 555 คือมันไม่มีเหี้ยอะไรเลยอ่ะ 555 ก็อาจจะรุนแรงเกินไป เอาเป็นว่า มันเป็นกิจกรรมที่สนุก ๆ มีกิจกรรม Museum มั้งที่อาจจะ (ไม่สปอยล์ละกัน) หนักบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ตอนนั้นเขาให้เลือกด้วยว่าจะเข้ากิจกรรมหรือจะ skip ไปรับเกียร์เลย ไอ้เราก็ขี้เกียจไง ก็เลย skip ไปรับเกียร์เลย 555

ผ่านไปถึงกีฬา Freshy คือ เอาจริง ๆ พาเหรดของวิศวะตอนพิธีเปิดแม่งกากหมามาก ขออนุญาตวิจารณ์เถอะ 555 จำได้ว่าตอนนั้นไปเป็นอาสาถือพวกป้ายให้ แล้วก็เห็นพวกเรียนหมอกับทันตะที่เคยอยู่ MWIT อยู่ทำพาเหรดกับสแตนแบบสวยมาก (ใหญ่คล้าย ๆ กับงานกีฬาสีในโรงเรียน) แต่คือวิศวะไม่มีสแตน!!! เออ ตอนนั้นอึ้งมาก คือตอนแรกคิดว่ามีไง แต่ก็ฉงนใจตั้งแต่ช่วงเดือนแรกละแหละว่าไม่มีรุ่นพี่คนไหนพูดถึงสแตนเลย แบบ ไม่มีเลยยยยย แล้วตอนนั้นก็เลยถามรุ่นพี่คนนึงว่าทำไมคณะเราไม่มีสแตน เค้าก็บอกกลับมาว่าเพราะคณะเราไม่มีห้องเชียร์ กุก็อึ้งไปอีกว่า ว้อท ลานเกียร์ตั้งกว้างก็เอามาซ้อมก็ได้นิถ้าคิดจะทำ 555

แต่ว่าก็รู้สึกดีใจที่คณะไม่มีสแตน เพราะขี้เกียจซ้อม ไร้สาระ 555

แต่คือ ทุกอย่างที่หลงเหลืออยู่ในคณะที่เป็นพวกวัฒนธรรม SOTUS ทั้งหลายก็แทบจะกลายเป็นของที่เอาไปเป็นอนุสรณ์สถานแล้วนะ ในความรู้สึกเรา เอายกตัวอย่างง่าย ๆ คือเกียร์อย่างเนี่ย มีสักกี่เปอร์เซ็นต์ของนิสิตทั้งหมดที่ไปรับวัน Museum นั้น หรือหนังสือเชียร์ที่มีเพลงคณะหลายเพลงมาก ถามว่าได้ใช้ไหม ก็ไม่ได้ใช้ และงานเชียร์ก็คงจะไม่ถูกรื้อฟื้นอีกแล้วเพราะรุ่นพี่ก็ไม่อยากจัด รุ่นน้องก็ไม่อยากทำ (มีแค่เพลงปราสาทแดงกับบูมบาก้าที่น่าจะยังใช้ประจำอยู่) (อย่าว่าแต่อยากทำเลย คือทุกคนตอนนี้ลืมไปหมดแล้วว่าตอนรุ่นนั้นเค้าทำกันยังไง ลืมไปหมดแล้วจริงๆ)

วันนี้พอไปอ่านพวกเนื้อหาในกลุ่มศิษย์เก่า ก็รู้สึกอึ้งไปนิดนึงว่าความจริงแล้วพวกรับน้องพวกนี้มันก็ไม่ได้จบไปนานมากแล้วอย่างที่ตัวเองคิดไว้ตอนแรก คือเหมือนจะล้มห้องเชียร์ได้ตอนรุ่น 96 มั้ง (ใครก็ได้ช่วยสืบที 555) คือเวลามันก็ผ่านไปแค่สิบปี แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแบบเยอะมาก ๆ จนตอนนี้ก็มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ และเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง revolutionized มาก อย่างเช่นเรื่องเกี่ยวกับจิตร ภูมิศักดิ์ ที่ทีม กวศ. เองเดินเรื่องนี้ กับเรื่อง sexual harassment ที่มีฝ่ายตั้งใหม่มาดูแลโดยเฉพาะเลย

ถ้าถามว่าเสียดายไหมที่หลายๆ อย่างหายไป ก็คงบอกว่าไม่เสียดายมั้ง 555 คือการเก็บวัฒนธรรมพวกนี้มันทำให้คณะดูขลัง แต่เราก็ดูออกนะว่าคณะยังต้องการเก็บอะไรหลายๆ อย่างเพื่อความขลัง ซึ่งถ้าเอาจริงๆ เราก็อยากให้เก็บบางอย่างไว้เหมือนกัน เอาไว้เป็นเรื่องเล่าว่าเคยทำกันมายังไง (เช่นงาน Museum ซึ่งก็เบาลงกว่าเมื่อก่อนแล้วแหละ)

ส่วนเรื่องแบกพระเกี้ยว ปีหน้าจะได้ทำไหมเหอะ 555 (แต่คิดว่าคงกลายเป็นงานหอในละแหละ ตอนที่วิศวะจัดแล้วหาคนไม่ได้เพราะไม่มีใครยอมทำ แล้ว twitter ก็มาดราม่าอันนี้อีก แม่งเหมือนงานโยนขี้ชัดๆ)

สุดท้ายก่อนจบ รู้สึกว่าโชคดีที่เข้าคณะช่วงที่วัฒนธรรมพวกนั้นหายไปหมดแล้ว ละก็รู้สึกว่าประสบการณ์ทำงานที่ได้จากงานอื่น ๆ นอกจากรับน้องมันก็เป็นอะไรที่ดี ๆ ทั้งนั้น ทั้งค่ายลานเกียร์เอย ค่าย FECamp เอย ฯลฯ ก็รู้สึกว่าได้เจอเพื่อน ๆ ที่ดี และก็ไม่เจอรุ่นพี่ที่งี่เง่า (ตอนอยู่ MWIT ยังรู้สึกว่ารุ่นพี่บางคนงี่เง่ากว่าตอนอยู่คณะอีก เชื่อป่ะ) ก็เลย exceed expectation ไปมากๆ เพราะตอนที่เลือกเข้าคณะนี้มาคือแทบไม่รู้อะไรเลย และก็คาดหวังว่าอาจจะต้องเจอสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง และก็คาดหวังว่าอาจจะต้องซิ่วถ้าเลือกพลาดจริง ๆ แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่เลือกคณะนี้

พูดง่าย ๆ คือ โชคดีที่เข้าคณะแล้วไม่ต้องขี้นสแตน จบ

โพสต์ต้นทาง

Nutchanon J's Stories

รวมบทความของนิสิตคณะวิศวะฯ คนหนึ่งในจุฬา ที่เรียนภาคไฟฟ้า

Powered by Bootstrap 4 Github Pages