Table of Content

ความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องถูกอธิบาย

Table of Content

...

ที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่มักจะถามหาเหตุผลของความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองตลอด

มันเหมือนกับว่า ถ้าผมไม่สามารถที่จะหาเหตุผลว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น แสดงว่าความมั่นคงทางจิตใจของผมก็อาจยังไม่มากพอ หรือการตัดสินใจที่เกิดจากความรู้สึกนั้นอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ได้

แต่พอหลัง ๆ มา ผมเริ่มหาเหตุผลในความรู้สึกนั้นน้อยลง

อาจเป็นเพราะว่า ถึงจะพยายามหามากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจะแก้ไขความรู้สึกนั้นไม่ได้อยู่ดี

หรือถึงจะหาสาเหตุของความรู้สึกนั้นเจอ ก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกนั้นจะหายไป

จนสุดท้าย เริ่มค้นพบว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สาเหตุของความรู้สึก แต่อยู่ที่ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไรมากกว่า


ตอนเลือกเรียนวิศวะไฟฟ้า คนถามมาประมาณเยอะมาก ว่าทำไมไม่ไปวิศวะคอม

ตอนนั้นก็ตอบได้แค่ว่า ชอบวิศวะไฟฟ้ามาก

ทุกคนก็ยังแปลกใจว่า เหตุผลแค่นี้หรือเปล่า

บางคนบอกว่าชอบวิศวะไฟฟ้ามาก เพราะชอบคณิตศาสตร์ บางคนบอกว่าชอบวิศวะไฟฟ้ามาก เพราะสายงานกว่า แต่ผมก็ยังตอบได้เท่าเดิมว่า ก็แค่ชอบ

และจนถึงตอนนี้ก็ยังตอบได้แค่ว่า ก็แค่ชอบ อยู่ดี แค่รู้มากขึ้นว่าจบมาแล้วเงินเดือนเท่าไหร่ เรียนอะไรมาบ้าง งานเป็นยังไง แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้เปลี่ยนไป

บางทีก็เคยแอบคิดว่า ถ้าเลือกอะไรที่มันแปลกพิศดารกว่านี้ เช่นถ้าไปเรียนอักษรฯ

ทุกคนก็คงจะมีคำถามมากกว่านี้มาก ว่าทำไมไปเรียน ไม่กลัวนั่นนู่นนี่เหรอ

ก็จะบอกกลับไปว่า ก็แค่ชอบ เหมือนเดิม

มันแปลกนะ ถ้าผมมีความรัก แล้วคนอื่นมาถามว่าทำไมถึงรักใครสักคน

การตอบว่า “ก็แค่ชอบ” จะเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลย

แต่พอเป็นการกระทำอย่างอื่น กลับต้องมีเหตุผลรองรับเยอะแยะมากมายซะอย่างงั้น


มันคงเหมือนอารมณ์ช่วงปีหนึ่งตอนเลือกคณะ

หรือช่วงนี้ที่อยากย้ายประเทศ อยากเจอคนใหม่ ๆ

ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ถ้าพูดถึงรายละเอียดก็คงไม่อยากพูด

แต่ถ้าให้ตอบแค่คำเดียว ก็คงบอกว่าชอบ อยากทำ

บางคนมักจะให้เขียนเหตุผลสิบข้อ เวลาจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นอนาคตที่สำคัญของตัวเอง

เราว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ ว่าควรมีเหตุผลรองรับการกระทำ

ยิ่งการกระทำนั้นใหญ่แค่ไหน ก็ต้องมีเหตุผลรองรับมากเท่านั้น

แต่เราขอเพิ่ม checklist นี้หน่อยว่า ต้องมีการติ๊กช่องที่ว่า “ก็แค่ชอบ”

ยิ่งการกระทำนั้นส่งผลกับเราไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปีขึ้นไป ยิ่งต้องมีเรื่องความชอบใหญ่เลย


มันก็คงเป็น trend มั้ง ว่าเราควรแคร์ความรู้สึกตัวเองมากขึ้น

เราว่ามันก็ดีนะ

ไม่ว่าจะเป็นความท้อแท้ใจ ความเหงา ความโดดเดียว ความเหนื่อย มันเหมือนมีดที่จ่อคอหอยพร้อมแทงให้ตายทุกวินาที

ในขณะเดียวกัน ความรัก ความดีใจ ความพยายามเปี่ยมล้น มันก็เป็นสิ่งที่ผลักดันในชีวิตของเรามีความหมายตลอดเวลา

มันต่างจากสิ่งของรอบตัวนะ มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลามากขนาดนั้น แต่ความรู้สึกมันอยู่กับเราตลอดเวลา

ก็เลยรู้สึกว่า บางที เราอาจจะไม่ต้องหาเหตุผลขนาดนั้นหรอกว่า ทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนั้น

แต่เราลองทำตามความรู้สึกของเราบ้างดีกว่า แบบที่ไม่ต้องแคร์ว่าความรู้สึกนั้นของเราเกิดจากอะไร

เพราะถ้าเราคิดตลอดเวลาว่า ความรู้สึกของเรามัน valid หรือเปล่า คงเสียเวลาชีวิตมากเกินไป

แล้วเราก็ไม่ควรจะมานั่งอธิบายความรู้สึกของเราให้คนอื่นฟังด้วย

อธิบายแค่เหตุผลก็พอว่า เราเลือกทางนี้ไปเราไม่ตายแน่นอน

แต่เรื่องความรู้สึก เราคงบอกคนอื่นได้เพียงว่า “ก็แค่ชอบ” ก็ควรจะเพียงพอแล้ว


สุดท้ายแล้ว ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เราไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายความรู้สึกของเราให้ใครฟังหรอกนะ


Nutchanon J's Stories

รวมบทความของนิสิตคณะวิศวะฯ คนหนึ่งในจุฬา ที่เรียนภาคไฟฟ้า

Powered by Bootstrap 4 Github Pages