Table of Content

ขอเล่าเรื่องตอนบวชนิดนึง

Table of Content

...

ช่วงที่บวชอยู่สัปดาห์แรก จะเป็นช่วงที่มีอุบาสิกามาอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดด้วย

ช่วงนั้นจะแอบอึดอัดนิดหน่อย เพราะว่าทุกครั้งที่จะเดิน เช่น กวาดลานวัด ถ้าบังเอิญเดินทางเดียวกับอุบาสิกาพอดี อุบาสิกาจะหยุดให้พระเดินก่อน

เรื่องนี้ความจริงก็อึดอัดบ้าง เพราะเราก็อายุน้อย แต่ส่วนใหญ่อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมด้วยจะอายุมากแล้ว (ทุกคนน่าจะแก่ประมาณห้าสิบกว่า) บางทีก็หยุดทั้งคู่ไม่มีใครยอมเดินก่อน

ความจริงแล้วเรื่องที่อุบาสิกาจะต้องเกรงใจพระในการทำอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีพระท่านไหนที่ออกมาเน้นเรื่องนี้เลย แต่เป็นสิ่งที่กลุ่มของอุบาสิกาเขาคุมระเบียบกันเอง

ถ้าจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ก็เช่น มีวันหนึ่งที่ต้องถ่ายรูปหมู่พระสงฆ์ร่วมกับอุบาสิกา มีอุบาสิกาท่านหนึ่งเหมือนจะเข้าไปที่ถ่ายรูปก่อนพระ อุกาสิกาที่เป็นเพื่อนอีกคนรีบเตือนว่าให้พระเข้าไปก่อน

หรือตอนที่ตักอาหาร มีวันหนึ่งที่พระยังตักอาหารไม่เสร็จแล้วอุบาสิกาจะเข้าไปตักต่อ ก็มีอุกาสิกาที่เป็นเพื่อนอีกคนรีบเตือนว่าให้พระตักให้เสร็จก่อน

เอาว่า ความจริงแล้วถ้ามองในมุมของฆราวาสเข้ามา มันก็นับเป็นเรื่องของ power dynamics ในสังคมของวัดอย่างหนึ่ง ว่าพระสงฆ์มาก่อน คนอื่นในวัดมาทีหลัง

แต่ก็สังเกตเหมือนกันว่า กลุ่มของอุบาสิกาเป็นกลุ่มที่ยอมรับในกฎแบบนี้เอง พระไม่ได้เน้นเรื่องนี้เลย

เพราะมีวันหนึ่งเหมือนกันที่มีอุบาสิกาท่านหนึ่งเดินตัดหน้าพระ แต่ตอนนั้นไม่มีอุบาสิกาท่านอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้มีใครว่าอะไร เพราะพระเองก็ไม่ได้อะไร

ถ้าจะเปรียบเทียบกับสังคมไทยตอนนี้ ก็เลยค้นพบสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า

สังคมที่แบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน การมีอยู่ของชนชั้น คือเรากดกันเองนี่แหละ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถาบันเอย ฯลฯ คนที่ตัดสินความผิดก็เป็นศาล ศาลก็เป็นประชาชน

ถ้าศาลตัดสินไปอีกทางก็ย่อมได้ แต่ศาลไม่ทำ

กฎหมาย คนที่จะตั้งขึ้นหรือล้มลง ก็เป็นสภา สภามาจากประชาชน

ก็ขอเขียนสั้น ๆ ไว้เท่านี้ละกัน 。

Nutchanon J's Stories

รวมบทความของนิสิตคณะวิศวะฯ คนหนึ่งในจุฬา ที่เรียนภาคไฟฟ้า

Powered by Bootstrap 4 Github Pages